top of page

เที่ยวญี่ปุ่นสุดฟินเจาะลึก “ภูมิภาคชูบุ”

เมื่อเดินทางมาถึง “ภูมิภาคชูบุ” ภูมิภาคตอนกลางของเกาะฮอนชู จะเห็นได้ว่าที่นี่มีทัศนียภาพที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภูเขา ทะเล และวัฒนธรรมที่โดดเด่น ยิ่งเข้าสู่ฤดูกาลของใบไม้ร่วงทำให้เมืองถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของเหล่าใบไม้สีแดง สีเหลือง สีเขียวสลับกันไปตัดกับภาพท้องฟ้าสีครามในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

ด้วยความโดดเด่นของตึกรามบ้านช่องอันเป็นเอกลักษณ์ วันแรกของทริปก็ต้องออกเดินทางไปที่ “เมืองอินุยามะ” เยือนปราสาทเก่าแก่ 1 ใน 12 ปราสาทของญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำคิโสะ หอคอยสูง 15 เมตรสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมืองได้จากชั้น 4 ของปราสาท นับว่าเป็นที่ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว หลังจากชมวิวมุมสูงก็มาเดินเล่นเพลินๆ ที่ “ย่านเมืองเก่าอินุยามะ” สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นสมัยเอโดะ มาย่านเมืองเก่าทั้งทีก็ต้องไม่พลาดที่จะใส่ชุดยูกาตะสวมบทบาทเป็นชาวญี่ปุ่นกันสักหน่อย ย่านนี้รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนไม้เก่าแก่ และร้านค้า ร้านอาหารมากมาย และที่พลาดไม่ได้เลยคือทาน มื้อเที่ยง ที่ร้านอาหารท้องถิ่น ลิ้มรส “โซบะชาเขียว” ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเต้าหู้ 7 แบบ ที่ทานคู่กับโซบะแล้วมีรสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว หลังจากทานจนอิ่มอละเดินเที่ยวจนจุใจแล้วก็แวะเช็คอินโรงแรมพักผ่อนให้หายเหนื่อยกันสักหน่อย ก่อนแวะไปชมความงามของไฟประดับสุดตระการตาที่ “สวนดอกไม้นาบานะโนะซาโตะ” ในยามค่ำคืน

ออกเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีกันต่อที่ “หมู่บ้านชิราคาวาโกะ” หมู่บ้านโบราณที่เป็นย่านการค้าและที่พักแรมของเหล่าซามูไรในสมัยเอโดะ แม้ว่าจะผ่านมานาน 200 กว่าปี หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงรักษาความงามของบ้านเรือนเอาไว้ ยิ่งรายล้อมด้วยหมู่ใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งทำให้ให้ที่นี่สวยงามขึ้นไปอีก ถ้าได้ไปแล้วรับลองว่าต้องประทับใจอย่างแน่นอน ก่อนเดินทางไปแช่ออนเซ็นที่โรงแรมก็ต้องแวะเที่ยวเมืองเก่าอีกแห่งที่โด่งดังไม่แพ้กันอย่าง “เมืองเก่าทาคายาม่า” ดินแดนท่ามกลางอ้อมกอดแห่งเทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่น หากใครชอบกลิ่นอายเก่าๆ ของเมืองโบราณและบรรยากาศแสนวินเทจ แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ เดินทางต่อไปไม่ไกลกันมากนักเราก็ได้ดื่มด่ำกับความงามของเทือกเขาแอลป์ต่อที่ “ปราสาทมัตสึโมโตะ” ถือได้ว่าเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สดุในญี่ปุ่น และสมบัติประจำชาติ โดยชั้นบนสุดของปราสาทสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองมัตสึโมโต้ได้อย่างสุดลูกหูลูกตา

และที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาถึงญี่ปุ่นนั่นก็คือการเดินทางไปชมความงามของภูเขาไฟฟูจิในฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี เลยต้องขอแวะเช็คอินสถานที่รอบๆ ฟูจิกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบที่รายล้อมภูเขาไฟฟูจิอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ สวมชุดกิโมโนสัมผัสความเป็นชาวญี่ปุ่นโบราณที่ “หมู่บ้านอิยาชิโนะซาโตะ” หรือจะลองมาดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ “หมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะฮักไก” และเช็คอินแลนด์มาร์คสำคัญอย่าง “เจดีย์แดงชูเรโตะ” กับ “มิชิมะ สกายวอล์ค” ซึ่งถือว่าโชคดีที่ทริปนี้ฟูจิของเราไม่ขี้อาย เลยได้เก็บภาพภูเขาไฟฟูจิมาจุใจเลยที่เดียว

วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเราอยู่กันที่นาโกย่า เลยแวะมาขอพรที่ “ศาลเจ้าอัตสึตะ จิงกู” ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สำคัญของศาสนาชินโต ที่ว่ากันว่าก่อตั้งมามากกว่า 1900 มาแล้ว ที่นี่มีความโดดเด่นทั้งด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ท่ามกลางป่าเขียวขจีอันรื่นรมย์ที่เริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนสีแต่งแต้มความงามของศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ และด้วยความศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาขอพรกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ไม่ขาดสาย อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของนาโกย่าที่จะลืมพูดถึงไม่ได้ก็คือ “ปราสาทนาโกย่า” สัญลักษณ์แห่งเมืองซามูไร ที่พำนักของ 1 ใน 3 ของสกุลโทคุกาวะผู้ถูกเลือกให้เป็นโชกุน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ใช้สำหรับป้องกันเมืองในครั้งที่รบกับโอซาก้าอีกด้วย มาถึงแล้วเลยขอเก็บภาพความสวยงามไว้เป็นทีระลึกไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ความรื่นรมย์ของสวนญี่ปุ่น และทิวทัศน์ของนาโกย่าแบบ 360 องศา บอกได้เลยว่าใครมาก็ต้องประทับใจ

ทริปนี้ถือได้ว่าฟินจุใจกันเลยทีเดียว เพราะการมาเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ได้ทั้งชมใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งสัมผัสบรรยากาศ วัฒนธรรมญี่ปุ่น รวมถึงอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย มาสัมผัสความประทับใจแบบนี้กับเราสิคะ

bottom of page